พระมหากษัตริย์ไทยราชวงศ์จักรี

พระราชลัญจกร 10 รัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย แห่งราชวงศ์จักรี

ตราพระราชลัญจกร พระมหากษัตริย์ไทย สมัยรัตนโกสินทร์

พระราชลัญจกร ตราประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สมัยรัตนโกสินทร์ สัญลักษณ์มงคลของแผ่นดินไทย

หลักฐานปรากฏ เรื่อง พระราชลัญจกรประจำพระองค์ พระมหากษัตริย์ไทย มีใช้ตั้งแต่แผ่นดินไทย (สยามในขณะนั้น) สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วในเอกสารต่างประเทศ มีการพิมพ์ภาพจำลองพระราชลัญจกรรูปเทวดา 4 กร ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็น พระราชลัญจกร ที่มีพระนารายณ์ทรงครุฑ มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น ตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือ จดหมายเหตุลาลูแบร์ ซึ่งเขียนโดย ซิม เดอ ลา ลูแบร์ แต่เนื่องจากเอกสารสมัยกรุงศรีอยุธยาส่วนใหญ่สูญหายไปกับการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ทำให้การสืบค้น ไม่อาจระบุทราบได้ชัดเจนว่า พระมหากษัตริย์ในอดีตแต่ละรัชกาลใช้ตราอะไรเป็นพระราชลัญจกรประจำรัชกาล

พระราชลัญจกร ประจำรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร ประจำรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์ไทย

พระราชลัญจกร คืออะไร

พระราชลัญจกร คือ ตราที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้ประทับ กำกับพระปรมาภิไธยและประทับกำกับเอกสารสำคัญ ที่ออกในพระปรมาภิไธย เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงพระราชอำนาจ และพระราชลัญจกรประจำแผ่นดินหรือประจำรัชกาลนั้น

นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องมงคล ดังที่ปรากฎอยู่ในหมวดพระราชสิริ ซึ่งประกอบด้วย พระสุพรรณบัตร ดวงพระราชสมภพและ พระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน ซึ่งจะต้องเชิญขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พร้อมกับเครื่องมงคลอื่น ๆ

การประทับตราพระราชลัญจกร

พระราชลัญจกรมี 4 ประเภท คือ

1. พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดิน

ใช้สำหรับประทับกำกับเอกสารสำคัญที่ออกในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ เช่น พระราชลัญจกรมหาโองการ พระราชลัญจกรไอยราพต

2. พระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน หรือประจำรัชกาล

ใช้สำหรับประทับกำกับพระบรมนามาภิไธยในเอกสารสำคัญ

3. พระราชลัญจกรประจำพระองค์

ใช้สำหรับประทับกำกับพระบรมนามาภิไธย ในเอกสารสำคัญส่วนพระองค์ที่ไม่เกี่ยวด้วยราชการแผ่นดิน

4. พระราชลัญจกรประจำเครื่องราชอิสริยาภรณ์

ใช้สำหรับประทับประกาศนียบัตรเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามที่กำหนดไว้

พระราชลัญจกรประจำรัชกาล ราชวงศ์จักรี

การใช้สัญลักษณ์ประจำรัชกาลต่าง ๆ ของราชวงศ์จักรี เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 โดยปรากฏหลักฐานอยู่ในเงินพดด้วงสมัยดังกล่าวอยู่แล้ว และมีปรากฏหลักฐานชัดเจนในสมัยรัชกาลที่ 4 มีการประทับพระราชลัญจกรพระมหามงกุฎและพระราชลัญจกรพระจุฑามณี ในเอกสารส่วนพระองค์ เช่น พระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวตามลำดับ

เมื่องานสมโภชรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี ใน พ.ศ. 2425 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างพระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ 1, รัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 เพื่ออุทิศถวายพระมหากษัตริย์ทั้งสามรัชกาลข้างต้น หลังจากนั้น พระมหากษัตริย์ในรัชกาลต่อๆ มาก็ทรงสร้างพระราชลัญจกรประจำรัชกาลของพระองค์ใช้มาโดยตลอดจนถึงรัชกาลปัจจุบัน

พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 1

พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 1 พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร รัชกาลที่ 1 พระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย

พระราชลัญจกรประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เป็นรูปปทุมอุณาโลม มีอักขระ “อุ” แบบอักษรขอมอยู่กลาง ล้อมรอบด้วยกลีบบัวอันเป็น พฤกษชาติที่เป็นสิริมงคลในพุทธศาสนา ตราอุณาโลมมีรูปร่างคล้ายสังข์ทักษิณาวรรต (สังข์เวียนขวา) อยู่ในกรอบลายกนก เริ่มใช้คราวพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อ พ.ศ. 2328

พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 2

พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 2 พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร รัชกาลที่ 2 พระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย

พระราชลัญจกรประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เป็นรูปครุฑยุดนาค เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า “ฉิม” ตามความหมายของวรรณคดีไทย คือ พญาครุฑซึ่งในเทพนิยายเทวกำเนิด เป็นเทพองค์หนึ่งที่ทรงมหิทธานุภาพยิ่ง แต่ยอมเป็นเทพพาหนะสำหรับพระนารายณ์ ปกติอยู่ที่วิมานฉิมพลี ดังนั้นทรงพระกรุณาให้ใช้รูปครุฑยุดนาค เป็นพระราชสัญลักษณ์ประจำพระองค์ แทนพระบรมนามาภิไธย

พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 3

พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 3 พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 3 พระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย

พระราชลัญจกรประจำพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เป็นรูปปราสาท เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า “ทับ” หมายความว่า ที่อยู่ หรือเรือน ดังนั้นจึงทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ ให้สร้างรูปปราสาท เป็นพระราชสัญลักษณ์ประจำพระองค์ แทนพระบรมนามาภิไธย

หมายเหตุ : พระราชลัญจกรทั้ง 3 องค์นี้เดิมเป็นเพียงพระราชสัญลักษณ์ที่ปรากฏในที่ต่างๆ เช่น เงินพดด้วง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระราชลัญจกรเหล่านี้ขึ้นเพื่ออุทิศถวายพระมหากษัตริย์ทั้งสามพระองค์เมื่อ พ.ศ. 2425 ตราทั้งหมดเป็นตรากลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 7 เซนติเมตร

พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 4

พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 4 พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร รัชกาลที่ 4 พระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย

พระราชลัญจกรประจำพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เรียกว่า พระราชลัญจกรพระมหามงกุฎ ลักษณะเป็นรูปกลมรี ลายกลางเป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎ อันเป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า “มงกุฎ” ซึ่งเป็นศิราภรณ์สำคัญของพระมหากษัตริย์ อยู่ในเครื่องเบญจราชกุธภัณฑ์ มีฉัตรบริวารตั้งขนาบข้างที่ริมขอบทั้งสองข้าง มีพานทองสองชั้นวางพระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรข้างหนึ่ง สมุดตำราข้างหนึ่ง รูปพระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรนี้มาจากฉายาเมื่อทรงผนวชว่า “วชิรญาณ” ส่วนสมุดตำรามาจากเหตุที่ได้ทรงศึกษาเชี่ยวชาญในทางอักษรศาสตร์และดาราศาสตร์ องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรากลมรีรูปไข่แนวนอน กว้าง 5.5 เซนติเมตร ยาว 6.8 เซนติเมตร

พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 4 องค์ที่ 2

พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 4 องค์ที่ 2 พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร รัชกาลที่ 4 องค์ที่ 2 พระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย

พระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 องค์ที่ 2 เรียกว่า พระราชลัญจกรพระจุฑามณี

พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 5

พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 5 พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร รัชกาลที่ 5 พระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย

พระราชลัญจกรประจำพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรียกว่า พระราชลัญจกรพระเกี้ยวยอด ลักษณะเป็นรูปพระจุลมงกุฎ (หรือพระเกี้ยว) เปล่งรัศมีประดิษฐ์บนพานแว่นฟ้า เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า “จุฬาลงกรณ์” ซึ่งแปลความหมายว่าเป็นศิราภรณ์ชนิดหนึ่งอย่างมงกุฎ มีฉัตรบริวารตั้งขนาบข้าง ที่ริมขอบทั้งสองข้างมีพานแว่นฟ้าและพระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรข้างหนึ่ง วางสมุดตำราข้างหนึ่ง พระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรและสมุดตำรานั้น เป็นการเจริญรอยจำลองพระราชลัญจกรประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นสมเด็จพระบรมชนกนาถ องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรากลมรีรูปไข่แนวนอน กว้าง 5.5 เซนติเมตร ยาว 6.8 เซนติเมตร

พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 6

พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 6 พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร รัชกาลที่ 6 พระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย

พระราชลัญจกรประจำพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เรียกว่า พระราชลัญจกรพระวชิระ เป็นรูปวชิราวุธ เปล่งรัศมีเป็นสายฟ้า ประดิษฐ์บนพานแว่นฟ้าตั้งอยู่เหนือตั่ง มีฉัตรกลีบบัวตั้งอยู่สองข้าง เป็นสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธย “วชิราวุธ” ซึ่งหมายถึง สายฟ้าอันเป็นเทพศาสตราของพระอินทร์ องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรากลมรีรูปไข่แนวนอน กว้าง 5.5 เซนติเมตร ยาว 6.8 เซนติเมตร

พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 7

พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 7 พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร รัชกาลที่ 7 พระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย

พระราชลัญจกรประจำพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เรียกว่า พระราชลัญจกรพระแสงศร ลักษณะเป็นรูปพระแสงศร 3 องค์ คือ พระแสงศรพรหมาสตร์ พระแสงศรประลัยวาต พระแสงศรอัคนีวาต อันเป็นเทพอาวุธของพระพรหม พระอิศวร และพระนารายณ์ตามลำดับ เหนือราวพาดพระแสงเป็นดวงตรามหาจักรีบรมราชวงศ์ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ เบื้องซ้ายและเบื้องขวาของราวพาดพระแสงตั้งบังแทรก สอดแทรกด้วยลายกนกอยู่บนพื้นตอนบนของดวงตรา พระแสงศร 3 องค์นี้ เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า “ประชาธิปกศักดิเดชน์” ซึ่งมาจากความหมายของศัพท์คำสุดท้ายของวรรคที่ว่า “เดชน์” แปลว่า ลูกศร องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรางากลมรีรูปไข่แนวนอน กว้าง 5.4 เซนติเมตร ยาว 6.7 เซนติเมตร

พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 8

พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 8 พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร รัชกาลที่ 8 พระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย

พระราชลัญจกรประจำพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ลักษณะเป็นรูปพระโพธิสัตว์ประทับบนบัลลังก์ดอกบัว ห้อยพระบาทขวาเหนือบัวบาน (ซึ่งดัดแปลงจากพระราชลัญจกรโพธิสัตว์สวนดุสิตในรัชกาลที่ 5) หมายถึงแผ่นดิน พระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัวตูม และมีเรือนแก้วด้านหลังแทนรัศมี มีแท่นรองรับตั้งฉัตรบริวารทั้งสองข้าง เป็นพระราชสัญลักษณ์ของบรมนามาภิไธยว่า “อานันทมหิดล” ซึ่งแปลความว่า เป็นที่ยินดีของแผ่นดิน เพราะพระองค์ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย ด้วยความยินดีของอเนกนิกรชาวไทย ประหนึ่งพระโพธิสัตว์เสด็จมาประทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ทวยราษฎร์ทั้งมวล องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรากลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 7 เซนติเมตร

พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 9

พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร รัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย

พระราชลัญจกรประจำพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 (พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร) เป็นรูปพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ประกอบด้วยวงจักร กลางวงจักรมีอักขระเป็น “อุ” หรือ “เลข ๙” รอบวงจักรมีรัศมีเปล่งออกโดยรอบ เหนือจักรเป็นรูปเศวตฉัตร 7 ชั้น ฉัตรตั้งอยู่บนพระที่นั่งอัฐทิศ แปลความหมายว่า มีพระบรมเดชานุภาพในแผ่นดิน โดยที่วันบรมราชาภิเษก ตามโบราณราชประเพณี ได้เสด็จประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศ สมาชิกรัฐสภาถวายน้ำอภิเษกจากทิศทั้ง 8 นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย ทรงรับน้ำอภิเษกจากสมาชิกรัฐสภา แทนที่จะรับจากราชบัณฑิตดั่งในรัชกาลก่อน องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรากลมรีรูปไข่แนวตั้ง กว้าง 5 เซนติเมตร สูง 6,7 เซนติเมตร

พระราชลัญจกรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร องค์นี้ นอกจากจะใช้ประทับในเอกสารสำคัญส่วนพระองค์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับราชการแผ่นดินแล้ว ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตรานี้แก่สถาบันอุดมศึกษากลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ และ ทรงพระราชทานนาม “ราชภัฏ” แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งหมายถึง “คนของพระราชา”

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ใช้เป็นตราประจำมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งในเครือของตน เมื่อปี พ.ศ. 2531 และยังได้มีพระบรมราชานุญาตให้ใช้เป็นภาพประธานในตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ในรัขกาลของพระองค์ ได้แก่ พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2550 อีกด้วย

พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 10

พระราชลัญจกร ประจำรัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ไทย
พระราชลัญจกร รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย

พระราชลัญจกรประจำพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เป็นรูปวชิราวุธ หมายถึง สายฟ้าอันเป็นเทพศาสตราของพระอินทร์ มีแบบตามพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านบนมี พระเกี้ยว มีแบบตามพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แทนคำว่า “อลงกรณ์” ซึ่งแปลว่า เครื่องประดับ เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธย “มหาวชิราลงกรณ” เปล่งรัศมีเป็นสายฟ้า ประดิษฐานอยู่บนพานแว่นฟ้า พร้อมด้วยฉัตรบริวาร องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรางากลมรีรูปไข่แนวนอน กว้าง 5.4 เซนติเมตร ยาว 6.7 เซนติเมต

คำอ่านและความหมายคำว่า “พระราชลัญจกร”

พระราชลัญจร อ่านว่า พระราดชะลันจะกอน เป็นคำนาม

พระราชลัญจกร แปลว่า ตราของพระมหากษัตริย์สำหรับประทับในเอกสารสำคัญ เรียกว่า พระราชลัญจกร, ใช้ว่า พระราชลัญฉกร ก็มี.

คำถามเกี่ยวกับ พระราชลัญจกร

Shares:
ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *