แหล่งท่องเที่ยว แลนด์มาร์คของไทย ขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
มรดกโลกของไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ถูกจัดแบ่งตามประเภทของมรดกโลก ซึ่งมีทั้งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและมรดกโลกทางธรรมชาติ ซึ่งความหมายของมรดกโลก คือ พื้นที่แลนด์มาร์ค (landmark) ที่ได้รับคัดเลือกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่มีความสำคัญต่อมนุษยชาติ เพราะมีลักษณะสำคัญทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายตามสนธิสัญญา
ประเทศไทยมีแหล่งมรดกโลก 6 แห่ง คือมรดกโลกทางวัฒนธรรม 3 แห่ง และมรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง จากมรดกโลกทั้งหมด 1,121 แห่ง ใน 167 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 869 แห่ง มรดกโลกทางธรรมชาติ 213 แห่ง และมรดกโลกแบบผสมทั้งสองประเภทอีก 39 แห่ง มรดกโลกแต่ละแห่งเป็นทรัพย์สินของประเทศที่เป็นเจ้าของดินแดนที่มรดกโลกตั้งอยู่ แต่ได้รับการพิจารณาให้เป็นผลประโยชน์ของประชาคมระหว่างประเทศในการอนุรักษ์มรดกโลกแห่งนั้น
รายชื่อแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกในประเทศไทย
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศไทยทั้งสิ้น 6 แหล่ง ประกอบด้วยแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม 3 แห่ง และแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง
แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติในประเทศไทย 3 แห่ง
- นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม
- เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม
- แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม
แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในประเทศไทย 3 แห่ง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ
- ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ
- กลุ่มป่าแก่งกระจาน แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ
มรดกโลกของประเทศไทย ทั้งหมด 6 แห่ง
1. นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีเนื้อที่ 1,810 ไร่ โดยตั้งอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พื้นที่กว่า 3,000 ไร่ อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางไปทางทิศเหนือ ตามถนนสายเอเซีย ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร อุทยานฯแห่งนี้ได้รับการพิจารณาเป็นมรดกโลก ประเภทมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2534 เป็นมรดกโลกตามบัญชีในลำดับที่ 576 ในนาม “นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา“
สถานที่สำคัญในอาณาบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มิได้มีแค่เท่าที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ยังมีสถานที่สำคัญซึ่งเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ชาติไทยอีกมากมาย โดยสถานที่สำคัญในบริเวณอุทยานฯ แห่งนี้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสถานที่สำคัญที่ขึ้นทะเบียนในพื้นที่มรดกโลก และกลุ่มสถานที่สำคัญที่กรมศิลปากรทำการอนุรักษ์และพัฒนาในพื้นที่นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยมีรายชื่อของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แบ่งตามกลุ่ม ดังนี้
สถานที่สำคัญที่ขึ้นทะเบียนในพื้นที่มรดกโลก
สถานที่สำคัญที่กรมศิลปากรทำการอนุรักษ์และพัฒนาในพื้นที่นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
- พระราชวังจันทรเกษม
- วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร
- วัดโลกยสุธาราม
- วัดธรรมิกราช
- วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร
- วัดสวนหลวงสบสวรรค์
- กำแพงและป้อมปราการกรุงเก่า
- วัดไชยวัฒนาราม
- วัดพุทไธศวรรย์
- วัดหน้าพระเมรุ
- วัดใหญ่ชัยมงคล
- วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
- วัดพนัญเชิง
- วัดกุฎีดาว
- วัดดุสิดาราม
- วัดภูเขาทอง
- วัดพระยาแมน
- หมู่บ้านโปรตุเกส
- หมู่บ้านฮอลันดา
- หมู่บ้านญี่ปุ่น
- เพนียดคล้องช้าง
- โบสถ์นักบุญยอแซฟ
สถานที่สำคัญเหล่านี้เป็นสถานที่ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากไม่ได้มีการเสนอขอขยายเขตที่ดินตามประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณเพิ่มเติมให้เป็นมรดกโลก
2. เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร
เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร พื้นที่จังหวัดสุโขทัยและจังหวัดกำแพงเพชร เป็น 1 ใน 3 แหล่งมรดกโลกแห่งแรกของประเทศไทยที่ทางยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียน ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง (ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของประเทศไทย) หลังผ่านเกณฑ์ขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) โดยเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2534 นับเป็นมรดกโลกตามบัญชีในลำดับที่ 574
สถานที่สำคัญในบริเวณมรดกโลกเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร
- อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
- อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
- อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
3. แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมอีกแห่งของไทยที่เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญ อยู่ที่ตำบลบ้านเชียง (ในเขตเทศบาลตำบลบ้านเชียง) อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ที่ทำให้เรียนรู้ประวัติศาสตร์การดำรงชีวิตในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 5,000 ปี แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2535 เป็นมรดกโลกตามบัญชีในลำดับที่ 359
ในพื้นที่แหล่งประวัติศาสตร์มรดกโลก เป็นร่องรอยของมนุษย์ในสมัยโบราณ แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของวัฒนธรรมหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความรู้ความสามารถหรือภูมิปัญญา อันเป็นเครื่องมือสำหรับช่วยให้ผู้คนเหล่านั้นสามารถดำรงชีวิตและสร้างสังคม-วัฒนธรรมของมนุษย์ได้สืบเนื่องต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน วัฒนธรรมบ้านเชียงได้ครอบคลุมถึงแหล่งโบราณคดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกกว่าร้อยแห่ง ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ที่มีมนุษย์อยู่อาศัยหนาแน่นมาตั้งแต่หลายพันปีแล้ว ด้วยเหตุนี้องค์การยูเนสโกจึงได้ยอมรับขึ้นบัญชีแหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียงไว้เป็นแห่งหนึ่งในบรรดามรดกโลก ศิลปะเครื่องปั้นดินเผาที่ขุดค้นพบในบริเวณแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมนี้ สามารถชมได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งช่ติ บ้านเชียง
4. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นมรดกโลก 1 ใน 5 ของประเทศไทย พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าประกอบด้วยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสองเขต ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ตั้งอยู่ในจังหวัดอุทัยธานี ตาก และกาญจนบุรี ทางตะวันตกของประเทศใกล้กับชายแดนประเทศเมียนมาร์ (พม่า) ครอบคลุมพื้นที่ 622,200 เฮกตาร์ หรือ 3,888,750 ไร่ เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรอินโดจีน เป็นพื้นที่ป่าที่สามารถเข้าถึงได้น้อยที่สุดและเป็นบริเวณที่ถูกรบกวนน้อยที่สุดของประเทศไทย โดยพื้นที่อนุรักษ์นี้มี สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ร้อยละ 77 (โดยเฉพาะช้างและเสือ) นกขนาดใหญ่ร้อยละ 50 และสัตว์มีกระดูกสันหลังบกร้อยละ 33 ที่พบได้ในภูมิภาคสามารถพบได้ในแหล่งมรดกโลกแห่งนี้
สถานที่สำคัญในบริเวณมรดกโลกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร พื้นที่ 3,647 ตารางกิโลเมตร
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พื้นที่ 2,780 ตารางกิโลเมตร
5. ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่
ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ เป็นแหล่งมรดกโลกแหล่งที่ 5 และเป็นลำดับที่ 2 ของแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติของไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 10-17 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 ณ เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติ 4 แห่ง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีก 1 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และบุรีรัมย์ มีพื้นที่รวมทั้งสิ้นราว 3,874,863 ไร่ หรือ 6,155 ตารางกิโลเมตร ถูกเรียกว่าเป็น ผืนป่าตะวันออก เพื่อเทียบเคียงกับ “ผืนป่าตะวันตก” บริเวณภาคตะวันตกของไทย
สถานที่สำคัญในบริเวณมรดกโลกป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่
- อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
- อุทยานแห่งชาติทับลาน
- อุทยานแห่งชาติปางสีดา
- อุทยานแห่งชาติตาพระยา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่
6. กลุ่มป่าแก่งกระจาน
กลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นแหล่งมรดกโลกแหล่งที่ 6 และเป็นแหล่ง มรดกทางธรรมชาติ ลำดับที่ 3 ของประเทศไทย ซึ่งคณะกรรมการมรดกโลก ได้มีมติขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ผ่านการประชุมออนไลน์ ณ เมืองฝูโจว ประเทศจีน กลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นผืนป่าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในแนวทิวเขาตะนาวศรี มีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วยพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อีก 1 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี กลุ่มป่าแก่งกระจานแห่งนี้มีพื้นที่รวมกว่า 2.5 ล้านไร่ หรือราว 4,089 ตารางกิโลเมตร มีความยาวตั้งแต่เหนือสุดถึงใต้สุดของพื้นที่ มากกว่า 200 กิโลเมตร
ด้วยตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ในเขตนิเวศอินโดมาเลยันซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างภูมิศาสตร์ย่อยของพืชพันธุ์สัตว์ป่าหลายเขตมาบรรจบกัน อีกทั้งยังเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ที่ต่อเนื่องไปกับทิวเขาตะนาวศรี ทำให้กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชีย และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของจระเข้น้ำจืด บริเวณต้นแม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
สถานที่สำคัญในบริเวณมรดกโลก
- อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
- อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
- อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี
ข้อมูลท่องเที่ยว ศาลาเครื่องราชอิสริยยศเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญกษาปณ์
พิกัดที่ตั้ง ศาลาเครื่องราชอิสริยยศเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญกษาปณ์ กรุงเทพฯ
/p>
การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวศาลาเครื่ศาลาเครื่องราชอิสริยยศเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญกษาปณ์
- รถโดยสารประจำทางสาย : 1, 3, 25, 32, 47, 53, 64, 82, 123, 203 - เรือด่วนและเรือข้ามฝาก : ท่าช้าง * สามารถจอดรถได้ที่ราชนาวีสโมสร - อัตราค่าที่จอดรถเป็นไปตามที่ราชนาวีสโมสรกำหนด
อัตราค่าเข้าชม
ค่าเข้าชม คนละ ๑๐ บาท (เด็ก / ผู้สูงอายุตั้งแต่ ๖๐ ปีขึ้นไป / พระภิกษุ ไม่เสียค่าเข้าชม)
การแต่งกาย
นักท่องเที่ยวควรแต่งกายให้สุภาพ
เวลาทำการ (เปิด-ปิด)
เปิดทุกวัน เวลา 08.30 - 16.00 น. (ยกเว้นวันที่มีพระราชพิธี)
ที่ตั้ง
สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน ในพระบรมมหาราชวัง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
ติดต่อ
โทรศัพท์ : 02-226 0251-9 ext. 2213 , 2210 โทรสาร : 02-225 9158 เว็บไซต์ : emuseum.treasury.go.th *ที่มา: เว็บไซต์วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (th.wikipedia.org), เว็บไซต์มิวเซียมสยาม (museumsiam.org) และเว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)