เรื่องเล่าแผ่นดินไทย

เรื่องเล่า รัชกาลที่ ๕ ทรงถูกพนักงานเก็บเงินไล่ลงจากรถราง

เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ไทยเรื่องหนึ่ง ที่อยากบันทึกไว้ให้ได้อ่าน และศึกษาเรื่องราวในอดีตที่เป็นอีกมุมหนึ่ง เมื่อพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์หนึ่ง ทรงถูกไล่ลงจากรถราง ถึงขั้นทำให้พระิงค์ทรงตรัสออกมาว่า "กูเป็นเจ้าเหนือหัวแท้ๆ ยังทำกับกูได้ถึงเพียงนี้" เมื่อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพ่อ ร.๕ ทรงถูกพนักงานไล่ลงจากรถราง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงโปรดในการเสด็จประพาสแบบสามัญชนธรรมดา บางครั้งก็ทรงฉลองพระองค์แบบชาวบ้านธรรมดา

เหตุใด รัชกาลที่ ๕ ทรงถูกพนักงานไล่ลงจากรถราง จากเรื่องเล่าแผ่นดินไทย

เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ไทยเรื่องหนึ่ง ที่อยากบันทึกไว้ให้ได้อ่าน และศึกษาเรื่องราวในอดีตที่เป็นอีกมุมหนึ่ง เมื่อพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์หนึ่ง ทรงถูกไล่ลงจากรถราง ถึงขั้นทำให้พระิงค์ทรงตรัสออกมาว่า “กูเป็นเจ้าเหนือหัวแท้ๆ ยังทำกับกูได้ถึงเพียงนี้” เมื่อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพ่อ ร.๕ ทรงถูกพนักงานไล่ลงจากรถราง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงโปรดในการเสด็จประพาสแบบสามัญชนธรรมดา บางครั้งก็ทรงฉลองพระองค์แบบชาวบ้านธรรมดา


และไม่มีผู้ติดตาม มีเรื่องเล่ากันว่า..พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ซึ่งโดยปกติพระองค์มักจะเสด็จออกตรวจตราดูแลทุกข์สุขของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์อยู่เสมอ บ่อยครั้งที่พระองค์ทรงฉลองพระองค์อย่างประชาชนคนธรรมดา เสด็จปะปนไปกับประชาชนทั่วไป และมักเสด็จไปโดยปราศจากข้าราชบริพารหรือผู้ติดตาม

วันหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงได้เสด็จขึ้นประทับรถรางที่หลักเมืองอันเป็นต้นทาง แต่เผอิญพระองค์ทรงลืมนำเงินพกติดตัวไปด้วย

เมื่อรถรางเคลื่อนที่ออกจากต้นทาง

คนเก็บเงินถามว่า “จะไปลงที่ไหน”

พระองค์ทรงตรัสว่า… “ถนนตก”

คนเก็บเงินจึงบอกไปว่า… “ถนนตกต้องเสียเงินสลึงหนึ่ง”

พระองค์ตรัสว่า… “ไม่มี รีบออกมาจากบ้าน ลืมเอามา ฉันมีธุระจริงๆ พรุ่งนี้จะเอามาให้ ขอให้ฉันไปด้วยนะ”

คนเก็บเงินบอกว่า… “ไม่ได้หรอก ระเบียบเขามีอย่างนั้น ขึ้นรถแล้วก็ต้องเสียเงินซิ”

พระองค์ตรัสว่า… “เถอะน่า เว้นฉันไว้สักคนคงไม่เป็นไร ไม่มีใครรู้หรอก”

คนเก็บเงินตอบว่า… “ไม่ได้หรอกฉันต้องทำตามหน้าที่ อย่าหาว่าใจร้ายใจดำเลยพ่อคุณ ให้พ่อไปด้วยไม่ได้หรอกมันผิดระเบียบ”

พระองค์ตรัสว่า… “ก็ฉันจะไปนี่นา บอกว่าพรุ่งนี้จะเอามาให้ เมื่อไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ฉันต้องไปถนนตกให้ได้”

ฝ่ายคนเก็บเงินก็ไม่ยอมท่าเดียวเถียงกันไปมา…เผอิญคุณยายคนหนึ่งที่นั่งมาในรถรางคันเดียวกันเห็นเถียงกันไปมาไม่หยุด จึงยื่นเงินสลึงหนึ่งให้…

คุณยาย… “เอ้า… ฉันให้ค่ารถแทนก็แล้วกัน”

คนเก็บเงินก็รับเอาเงินไป เรื่องราวควรจะจบลงแค่นั้น แต่พอรถรางวิ่งไปจนเกือบถึงถนนตก รถพระที่นั่งก็วิ่งตามไปทัน ทุกคนบนรถรางรวมทั้งคนเก็บเงินหันไปดู มีคนตะโกนว่า “ในหลวงเสด็จ” ต่างคอยจ้องดูในหลวงกัน

รถรางคันนั้นก็หยุด เพื่อให้รถพระที่นั่งผ่านไปก่อน แต่รถพระที่นั่งไม่เลยไป แต่กลับมาหยุดเทียบรถรางพอดี ในหลวงซึ่งประทับมาในรถราง ก็เสด็จขึ้นประทับบนรถพระที่นั่งแล้วก็บ่ายหน้ากลับทันที ตอนนี้คนเก็บเงินรถราง ตาเหลือก ตกตะลึง เมื่อรู้ว่าผู้ที่ตนทะเลาะเรื่องค่าโดยสารและไล่ให้ลงเมื่อกี้ คือ “ในหลวง” ถึงกับมือเท้าอ่อนเหงื่อโทรมกาย คิดไปคิดมาเลยร้องไห้โฮ เพราะเจ็บใจตัวเองที่มีตาหามีแววไม่ เล่นกับใครไม่เล่นไปเล่นกับเจ้าชีวิต คราวนี้เห็นทีจะไม่รอดแน่นอน นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นที่น่าสงสาร

รุ่งขึ้น!!! ตำรวจมาสืบหาตัวคนเก็บเงินรถรางแล้วจับกุมตัว คนเก็บเงินรถรางหน้าซีด ลาลูกเมียและเพื่อนฝูงเป็นการใหญ่ นึกอยู่ในใจว่า “โทษของตนต้องถูกกุดหัวสถานเดียวแน่นอน”

ตำรวจพาตัวคนเก็บเงินรถราง เข้าเฝ้าถึงท้องพระโรง ถึงกับเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ตำรวจต้องช่วยพยุงเข้าไป พอเข้าไปถึงพระที่นั่ง คนเก็บเงินรถรางถวายบังคมท่าทางเงอะงะ วิงวอนขอพระราชทานชีวิตเอาไว้

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงทอดพระเนตรเห็นอาการของคนเก็บเงินแล้วก็ให้ทรงนึกขำ แต่ก็ทรงแสร้งทำพระพักตร์บึ้งตึง มีพระราชดำรัสตวาด และด่าว่าคนเก็บเงินรถราง

พระองค์ทรงตรัสว่า… “โทษถึงประหาร กูเป็นเจ้าเหนือหัวแท้ๆ ยังทำกับกูได้ถึงเพียงนี้ จะเก็บเงินกูก็จะให้ แต่เผอิญกูลืมเอาไปผัดก่อนก็ไม่ได้ คนแบบนี้อยู่ไปก็รกแผ่นดินของกู”

แล้วตรัสเรียกมหาดเล็กให้หยิบถุงถุงหนึ่งมาถวาย ต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ก็ตรัสเรียกคนเก็บเงินรถรางเข้าไปใกล้ๆ ทรงยื่นถุงให้แล้วตรัสว่า…

“เอ้า!! เอาไป ถ้าเมืองไทย มีคนทำงานตามหน้าที่อย่างนี้มากๆ บ้านเมืองก็เจริญ”

เมื่อคนเก็บเงินรถรางรับถุงนั้นออกมาแล้วก็มีรับสั่งให้นำตัวออกไป พอพ้นวัง ตำรวจบอกว่ากลับบ้านได้ คนเก็บเงินรถรางประหลาดใจ เอ๊ะ… เรื่องมันยังไงกันนี่

พอตำรวจจากไปแล้ว จึงนึกถึงถุงที่ได้รับพระราชทานมาแต่พระหัตถ์ในหลวงขึ้นมาได้ เปิดปากถุงออกดูเห็นเป็นเงินจึงเทออกมานับ ปรากฏว่ามีทั้งหมดชั่งหนึ่งพอดีคนเก็บเงินรถรางยิ้มออกมาได้ ทรุดตัวลงนั่งกลางถนนหันหน้าไปทางที่ประทับของในหลวง ถวายบังคมลาแล้วเดินตัวลอยยิ้มแป้นกลับบ้านทันที…

เรื่องเล่าแผ่นดินไทย เรื่องนี้นับเป็นเรื่องราวในอดีตที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง ทำให้นึกถึงพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕

จากหนังสือ เมืองไทยในอดีต(พระนคร) ของ เพิ่มศักดิ์ วรรลยางกูล : สำนักพิมพ์ วัฒนาพานิช ๒๕๐๓

Shares:
ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *