ท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มรดกโลกทางวัฒนธรรมของประเทศไทย
วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โบราณสถานทางประวัติศาสตร์ไทย อายุกว่า ๖๐๐ ปี เป็นหนึ่งในวัดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา วัดมหาธาตุเป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้างและดูแลตลอดเวลาจนถูกทำลายและถูกทิ้งร้างลงหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๓๑๐
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นมรดกโลกของไทย พื้นที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ ๑,๘๑๐ ไร่ ตั้งอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อุทยานฯแห่งนี้ได้รับการพิจารณาเป็นมรดกโลก ประเภทมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ในนาม “นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา“
ประวัติวัดมหาธาตุ จ.พระนครศรีอยุธยา
วัดมหาธาตุ เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ใกล้วัดราชบูรณะ ภายในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เริ่มสร้างในสมัย สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ขุนหลวงพะงั่ว เมื่อปี พ.ศ. ๑๙๑๗ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ทรงเสด็จสวรรคตเสียก่อน และได้สร้างเพิ่มเติมจนเสร็จ ในสมัย สมเด็จพระราเมศวร โดยได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระปรางค์ประธาน และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ. ๑๙๒๗ ซึ่งปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา
วัดมหาธาตุมีความสำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางเมืองและเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ ของกรุงศรีอยุธยา โดยมีสมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายคามวาสีประทับอยู่ภายในวัด ส่วนพระสังฆราช ฝ่ายอรัญวาสีนั้น ประทับอยู่ที่วัดป่าแก้ว (วัดใหญ่ชัยมงคล) นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ ๆ พระศรีศิลป์และจหมื่นศรีสรรักษ์ พร้อมคณะได้ซุ่มพลที่ปรางค์วัดมหาธาตุ ก่อนยกพลเข้าพระราชวังทางประตูมงคลสุนทร เพื่อจับกุมสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์

ปรางค์ของวัดมหาธาตุองค์เดิมที่สร้างด้วยศิลาแลง ยอดพระปรางค์ได้ทลายลงมาเกือบครึ่งองค์ถึงชั้นครุฑ ด้วยเหตุผลประการใดไม่ปรากฎ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม แต่ยังมิได้ซ่อมแซมบูรณะให้คืนดีดั้งเดิมในรัชกาลนั้น ต่อมาสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ทรงบูรณะใหม่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๑๗๖ และในสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๗๕ – ๒๓๐๑ จนถึงช่วงเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ (พ.ศ. ๒๓๑๐) วัดมหาธาตุถูกทำลายจนเหลือเพียงซากปรักหักพังและถูกทิ้งร้าง ต่อมายอดพระปรางค์ได้พังทลายลงมาอีกครั้งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
พื้นที่วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ภายในพื้นที่ของวัดมหาธาตุ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ภายในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มีสิ่งปลูกกสร้างที่มีความสำคัญทางสถาปัตยกรรมต่างๆ เช่นพระปรางค์ วิหารและพระตำหนัก ดังนี้
พระปรางค์ขนาดใหญ่
พระปรางค์ขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันพังทลายลงมาหมดแล้ว แต่ราชทูตลังกาที่ได้เคยมาเยี่ยมชมวัดมหาธาตุ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไว้ว่า ที่ฐานของพระปรางค์ มีรูปราชสีห์ หมี หงส์ นกยูง กินนร โค สุนัขป่า กระบือ มังกร เรียงรายอยู่โดยรอบ รูปเหล่านี้อาจหมายถึงสัตว์ป่าหิมพานต์ที่รายล้อมอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาลตามความเชื่อทางลิทธิพราหมณ์
เจดีย์แปดเหลี่ยม
เจดีย์แปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์ลดหลั่นกัน ๔ ชั้น ๘ เหลี่ยม ชั้นบนสุดประดิษฐานปรางค์ขนาดเล็ก ซึ่งเจดีย์องค์นี้จัดว่าเป็นเจดีย์ที่แปลกตา พบเพียงองค์เดียวในเขตพระนครศรีอยุธยา
วิหารที่ฐานชุกชี
วิหารที่ฐานชุกชี ของพระประธานในวิหาร กรมศิลปากรพบว่ามีผู้ลักลอบขุดลงไปลึกถึง ๒ เมตร จึงดำเนินการขุดต่อไปอีก ๒ เมตร พบภาชนะดินเผาขนาดเล็ก ๕ ใบ บรรจุแผ่นทองเบารูปต่างๆ
วิหารเล็ก
วิหารเล็กแห่งนี้ มีรากไม้แผ่รากขึ้นเกาะเต็มผนัง รากไม้ส่วนหนึ่งได้ล้อมเศียรพระพุทธรูปไว้
พระปรางค์ขนาดกลาง
พระปรางค์ขนาดกลาง ภายในพระปรางค์ มีภาพจิตรกรรม เรือนแก้วซึ่งเป็นตอนหนึ่งในพุทธประวัติ
ตำหนักพระสังฆราช
ตำหนักพระสังฆราช บริเวณพื้นที่ว่างทางด้านทิศตะวันตก เคยเป็นที่ตั้งพระตำหนักพระสังฆราช ฝ่ายคามวาสี ราชทูตลังกาได้เล่าไว้ว่า เป็นตำหนักที่สลักลวดลายปิดทอง มีม่านปักทอง พื้นปูพรม มีขวดปักดอกไม้เรียงรายเป็นแถวเพดานแขวนอัจกลับ (โคม) มีบัลลังก์ ๒ องค์
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมไปถ่ายรูปคือ เศียรพระในต้นไม้ ซึ่งเป็นเศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งมีรากต้นโพธิ์เจริญปกคลุมอยู่รอบเศียรพระพุทธรูปนี้ พระพุทธรูปหินทรายนี้เหลือแค่ส่วนเศียร สำหรับองค์พระสูญหายไปเมื่อใดไม่ปรากฎหลังฐานแน่ชัด เป็นเศียรพระพุทธรูปศิลปะอยุธยา วางอยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหารราย สันนิษฐานกันว่า เศียรพระพุทธรูปนี้หล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ ตั้งแต่การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ จนรากไม้ขึ้นปกคลุมปรากฎเป็นงานศิลป์ทางธรรมชาติที่มีความงดงามแปลกตา

ภาพเก่าวัดมหาธาตุ

ข้อมูลท่องเที่ยว วัดมหาธาตุ จ.พระนครศรีอยุธยา
พิกัดที่ตั้ง วัดมหาธาตุ จ.พระนครศรีอยุธยา
การเดินทางเพื่อท่องเที่ยววัดมหาธาตุ จ.พระนครศรีอยุธยา
จากกรุงเทพฯ เดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้หลายเส้นทาง ดังนี้ - เส้นทางแรก ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านประตูน้ำพระอินทร์ แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 309 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา - เส้นทางที่สอง ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 (ถนนแจ้งวัฒนะ) หรือทางหลวงหมายเลข 302 (ถนนงามวงศ์วาน) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 306 (ถนนติวานนท์) ข้ามสะพานนนทุรี หรือสะพานนวลฉวี ไปยังจังหวัดปทุมธานี ต่อด้วยเส้นทางปทุมธานี-สามโคก-เสนา (ทางหลวงหมายเลข 3111) แล้วแยกขวาที่อำเภอเสนา เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3267 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา - เส้นทางที่สาม ใช้ทางหลวงหมายเลข 306 เส้นทางกรุงเทพฯ-นนทบุรี-ปทุมธานี ถึงทางแยกสะพานปทุมธานี เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 347 แล้วไปแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 3309 ผ่านศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร อำเภอบางปะอิน เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อัตราค่าเข้าชม
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ ๑๐ บาท (เด็ก / ผู้สูงอายุตั้งแต่ ๖๐ ปีขึ้นไป / พระภิกษุ ไม่เสียค่าเข้าชม)
การแต่งกาย
นักท่องเที่ยวควรแต่งกายให้สุภาพ
เวลาทำการ (เปิด-ปิด)
เปิดทุกวัน เวลา 07.30 - 17.00 น.
ที่ตั้ง
ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000
ติดต่อ
ที่มาข้อมูลและรูปภาพ:
- เว็บไซต์วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (th.wikipedia.org)
- เว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)