ประวัติศาสตร์ไทยประเทศไทย

คณะราษฎร คณะผู้ก่อการปฏิวัติสยาม 2475 เปลี่ยนแปลงการปกครองและสถาบันพระมหากษัตริย์

คณะราษฎร กลุ่มบุคคลผู้ก่อการปฏิวัติ 2475 เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 โดยยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และเปลี่ยนแปลงการปกครองของราชอาณาจักรสยาม
คณะราษฎร คณะผู้ก่อการปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงการปกครองสยาม พ.ศ.2475

บุคคลผู้ก่อการปฏิวัติสยามเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

คณะราษฎร กลุ่มบุคคลผู้ก่อการปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 โดยยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และเปลี่ยนแปลงการปกครองของราชอาณาจักรสยาม (ชื่อของประเทศไทยในสมัยนั้น) จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย

กลุ่มบุคคลในนาม คณะราษฎร ซึ่งนำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินและเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 มาสู่ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและปกครองโดยรัฐสภา โดยก่อการปฏิวัติยึดอำนาจ โดยมีประกาศแจกจ่ายประชาชนช่วงบ่ายของวันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 ความว่า

ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง… ราษฎร ข้าราชการ ทหาร และพลเรือนที่รู้เรื่องถึงการกระทำอันชั่วร้ายของรัฐบาลดังกล่าวแล้ว จึงรวมกำลังตั้งเป็นคณะราษฎรขึ้นและได้ยึดอำนาจของรัฐบาลของกษัตริย์ไว้ได้แล้ว คณะราษฎรเห็นว่าการที่จะแก้ความชั่วร้ายนี้ได้ ก็โดยที่จะต้องจัดการปกครองโดยมีสภา…

ประกาศคณะราษฎรที่นำออกแจกจ่ายประชาชนช่วงบ่ายวันที่ 24 มิ.ย. 2475

การยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองในครั้งนั้นไม่มีการเสียเลือดเนื้อ ด้วยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยแก่ประเทศสยาม จึงมีพระราชหัตถเลขาตอบคณะผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหารของคณะราษฎร ลงวันที่ 25 มิ.ย. 2475 ดังนี้

ข้าพเจ้าเห็นแก่ความเรียบร้อยของอาณาราษฎร์ ไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อ กับทั้งเพื่อจัดการโดยละม่อมละไม ไม่ให้ขึ้นชื่อว่าได้จลาจลเสียหายแก่บ้านเมือง และความจริงข้าพเจ้าก็ได้คิดอยู่แล้วที่จะเปลี่ยนแปลงตามทำนองนี้ คือ มีพระเจ้าแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ จึงยอมรับที่จะช่วยเป็นหุ่นเชิด

พระราชหัตถเลขาของพระบามสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอบคณะผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหารของคณะราษฎร ลงวันที่ 25 มิ.ย. 2475

ประวัติและความเป็นมาของคณะราษฎร คณะผู้ก่อการปฏิวัติสยาม

คณะราษฎร” คือ กลุ่มบุคคลผู้ดำเนินการปฏิวัติสยามเมื่อ พ.ศ. 2475 โดยยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และเปลี่ยนแปลงการปกครองของราชอาณาจักรสยาม (ชื่อของประเทศไทยในสมัยนั้น) จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย

คณะราษฎรอันประกอบด้วย ข้าราชการฝ่ายทหารบก ทหารเรือ พลเรือน และราษฎร
ได้นำกำลังทหารและพลเรือนมาชุมนุม ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อประกาศแถลงการณ์
ของคณะราษฎร และยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน และเปลี่ยนแปลงการปกครอง
จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย เรียกตนเองว่า ผู้เริ่มการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

คณะราษฎรก่อตั้งโดยกลุ่มนักเรียนและนักศึกษาทหารที่ศึกษาและทำงานอยู่ในทวีปยุโรป ซึ่งได้รับพระราชกรุณา พระมหากรุณาธิคุณส่งเสริมให้ได้รับการศึกษา ให้ความอุปถัมภ์จากพระบรมวงศานุวงศ์ พระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี เพื่อเป็นบุคคลสำคัญในอนาคตเพื่อการพัฒนาประเทศให้เท่าทันอารยประเทศกลุ่มตะวันตก และมี แนวคิดสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากเห็นว่าการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้นมีความล้าสมัย ไม่อาจนำพาให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ที่ไม่ได้รับการแก้ไขในระบอบการปกครองรูปแบบเดิม จึงเชื่อมั่นว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นรูปแบบใหม่แล้ว จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวและนำพาให้ประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ทัดเทียมอารยประเทศฝั่งตะวันตกได้ ประกอบกับบุคคลกลุ่มนี้ ได้รับอุดมการณ์ทางการเมืองรูปแบบใหม่มาในระหว่างที่ศึกษาและทำงานในต่างประเทศ

การเตรียมการคณะราษฎรผู้ก่อการปฏิวัติสยาม

การประชุมเพื่อเตรียมลงมือก่อการนั้นเกิดขึ้นเพียง 4 เดือนก่อนวันที่ 24 มิถุนายน รวม 7 ครั้ง เหตุการณ์ช่วงนั้นประจวบกับความอ่อนแอของรัฐบาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและความขัดแย้งในหมู่เสนาบดี ด้านชาญวิทย์ เกษตรศิริ สันนิษฐานว่าเนื่องจากมีการหารือเรื่องแนวทางการปกครองสยามโดยทั่วไปในหมู่ปัญญาชน ทำให้การประชุมของคณะราษฎรดูเป็นเรื่องปกติ  ประกอบกับสมาชิกผู้ก่อการอยู่ในแวดวงแห่งอำนาจ และผู้ใหญ่ในรัฐบาลชะล่าใจ ด้วยเห็นว่าคุ้นเคยกันอยู่  พระยาทรงสุรเดช ผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติสยาม 2475  โดยภายหลังการปฏิวัตินั้นคณะราษฎรได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และมีหนังสือขออภัยโทษที่คณะราษฎรได้ใช้ถ้อยคำรุนแรงในป่าวประกาศการปฏิวัติสยามในครั้งนั้น

อุดมการณ์คณะราษฎร

สมาชิกผู้ก่อการมีอุดมการณ์ชาตินิยมที่ตกทอดมาจากการตั้งรัฐชาติในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเล็งเห็นว่าระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบการปกครองที่ทำให้ประเทศชาติล้าหลังไม่เจริญทัดเทียมนานาอารยประเทศ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังทรงตระหนักถึงภัยจากจักรวรรดินิยมจากบริเตนใหญ่(อังกฤษ) และฝรั่งเศส ที่มีดินแดนติดกับสยามทั้งสองทิศ นอกจากนี้ยังมีความเห็นนิยมระบอบรัฐธรรมนูญด้วย และมองว่าประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองเดียวที่ได้รับความนับถือในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้า  โดยมองว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ใช้เวลานานในการก่อให้เกิดประชาธิปไตย คือมีการประวิงเวลามาตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ประกาศคณะราษฎร (2475-06-24)

คณะราษฎร ผู้ก่อการปฏิวัติสยาม 2475 ระบุเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงการปกครองในเบื้องต้นจะให้เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญดังข้อความนี้

ต้องจัดการปกครองโดยมีสภา จะได้ช่วยกันปรึกษาหารือหลาย ๆ ความคิด ดีกว่าความคิดเดียว ส่วนผู้เป็นประมุขของประเทศนั้น คณะราษฎรไม่ประสงค์ทำการแย่งชิงราชสมบัติ ฉะนั้น จึ่งได้ขอเชิญให้กษัตริย์องค์นี้ดำรงค์ตำแหน่งกษัตริย์ต่อไป แต่จะต้องอยู่ใต้กฎหมายธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน จะทำอะไรโดยลำพังไม่ได้ นอกจากด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร แต่หากไม่ทรงยินยอม ได้ระบุต่อไปว่า ถ้ากษัตริย์ตอบปฏิเสธ หรือไม่ตอบภายในกำหนด โดยเห็นแก่ส่วนตนว่า จะถูกลดอำนาจลงมา ก็จะชื่อว่า ทรยศต่อชาติ และก็เป็นการจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีการปกครองแบบอย่างประชาธิปตัย กล่าวคือ ประมุขของประเทศจะเป็นบุคคลสามัญซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกตั้งขึ้นอยู่ในตำแหน่งตามกำหนดเวลา”

จากบทนิยามของ “ประชาธิปตัย”

จากบทนิยามของ “ประชาธิปตัย” ในประกาศจะเห็นว่าเป็นความหมายของสาธารณรัฐ

หลัก 6 ประการ ของคณะราษฎร

การปฏิวัติสยามจากผู้ก่อการคณะราษฎร ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่ระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนที่สำคัญและยิ่งใหญ่ก็ตาม แต่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่งดงามที่สุด คือไม่มีการต่อสู้ ไม่มีการเสียเลือดเนื้อแต่ประการใด ผู้ก่อการคือ คณะราษฎร ได้ประกาศแถลงการณ์คณะราษฎรฉบับที่ 1 ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยกล่าวถึงหลักในการบริหารประเทศของคณะราษฎร เพื่อการทำประโยชน์ให้แก่ประเทศและประชาชน และเพื่อความสุขสมบูรณ์ของประชาชน นั่นคือ หลัก 6 ประการของคณะราษฎร

  1. จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น เอกราชในทางการเมือง การศาล ในทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง
  2. จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก
  3. ต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทุกคนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก
  4. จะต้องให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาคกัน (ไม่ใช่พวกเจ้ามีสิทธิมากกว่าเช่นที่เป็นอยู่)
  5. จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก 4 ประการดังกล่าวข้างต้น
  6. จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร

สมาชิกคณะราษฎร คณะผู้ก่อการปฏิวัติสยามระยะแรก

รู้จัก 7 บุคคลก่อการในคณะราษฎร ผู้มีบทบาทระยะแรก นำในการเปลี่ยนแปลงการปกครองไทย

  1. นายปรีดี พนมยงค์ นักเรียนวิชากฎหมาย ประเทศฝรั่งเศส
  2. ร้อยโท ประยูร ภมรมนตรี นักเรียนวิชารัฐศาสตร์ ประเทศฝรั่งเศส
  3. ร้อยโท แปลก ขีตตะสังคะ นักเรียนวิชาทหารปืนใหญ่ ประเทศฝรั่งเศส
  4. ร้อยตรี ทัศนัย มิตรภักดี นักเรียนวิชาทหารม้า ประเทศฝรั่งเศส
  5. นายตั้ว ลพานุกรม นักเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
  6. นายจรูญ สิงหเสนี ผู้ช่วยราชการสถานทูตสยามในประเทศฝรั่งเศส
  7. นายแนบ พหลโยธิน นักเรียนวิชากฎหมาย ประเทศฝรั่งเศส

สมาชิกสำคัญในการก่อตั้งคณะราษฎร

หลักฐานชี้ว่าสมาชิกสำคัญในการก่อตั้งคณะราษฎรแบ่งสมาชิกเป็นสามสาย จำนวน 102 นาย คือ สายทหารบก สายทหารเรือ สายพลเรือน โดยสมาชิกที่สำคัญในการก่อตั้งคณะราษฎร ในแต่ละสาย ได้แก่

สมาชิกผู้ก่อตั้งคณะราษฎร สายทหารบก:

พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) เป็นหัวหน้า, พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน), พระยาฤทธิอัคเนย์ (สละ เอมะศิริ), พระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น), และหลวงพิบูลสงคราม (แปลก ขีตตะสังคะ)

สมาชิกผู้ก่อตั้งคณะราษฎร สายทหารเรือ:

หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) เป็นหัวหน้า, หลวงศุภชลาศัย (บุง ศุภชลาศัย), หลวงสังวรยุทธกิจ (สังวรณ์ สุวรรณชีพ), และหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ (ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์)

สมาชิกผู้ก่อตั้งคณะราษฎร สายพลเรือน:

หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) เป็นหัวหน้า, หลวงสิริราชไมตรี (จรูญ สิงหเสนี), หลวงโกวิทอภัยวงศ์ (ควง อภัยวงศ์), ตั้ว ลพานุกรม, แนบ พหลโยธิน, ทวี บุณยเกตุ, และประยูร ภมรมนตรี

10 บุคคลสำคัญในคณะราษฎร ผู้มีบทบาทในการปฏิวัติ 2475

คณะราษฎร กลุ่มบุคคลผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 บทความนี้ขอพาทุกท่านไปรู้จัก 10 บุคคลสำคัญในคณะราษฎร ผู้มีบทบาทนำในการปฏิวัติ 2475

1. พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) หัวหน้าคณะราษฎรผู้กุมอำนาจหลักในกองทัพบก ผู้นำในการยึดพระบรมมหาราชวังและสถานที่สำคัญต่างๆ

2. พลเรือตรี หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้นำในการยึดฐานทัพเรือและควบคุมกองทัพเรือ

3. นายปรีดี พนมยงค์ ปัญญาชนผู้วางรากฐานระบอบประชาธิปไตย ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทย และเป็นผู้ก่อตั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

4. ร้อยโท หลวงโกวิทอภัยวงศ์ (ควง อภัยวงศ์) นายกรัฐมนตรีคนแรกของระบอบประชาธิปไตย ผู้มีบทบาทสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญ

5. ร้อยโท ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้ก่อการปฏิวัติ 2475 และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งคณะราษฎร

6. หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีชา ช้างขวัญ) นักกฎหมายผู้ร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับในยุคแรกของระบอบประชาธิปไตย

7. หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช นักการเมืองผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดของไทย

8. นายดิเรก ชัยนาม นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ และนักการเมืองผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่อเสรีภาพในการแสดงออก

9. นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ นักหนังสือพิมพ์และนักการเมืองผู้ร่วมก่อตั้งคณะราษฎร

10. นางสาวกิมฮ้อ แซ่ตั้ง วีรสตรีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดช

10 บุคคลสำคัญในคณะราษฎร เหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทย บทความนี้เป็นเพียงการกล่าวถึงคร่าวๆ ยังมีบุคคลอีกมากมายที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะราษฎรและเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ครั้งนี้

บทบาทคณะราษฎร หลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475

หลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 คณะราษฎรมีการจัดตั้งเป็น “สมาคมคณะราษฎร” ซึ่งมีลักษณะเป็นพรรคการเมือง มีพระยานิติศาสตร์ไพศาลเป็นนายกสมาคม มีประกาศรับสมาชิกทั่วประเทศจนมีรายงานว่ามีสมาชิก 10,000 คน อย่างไรก็ดี หลังรัฐบาลพระยามโนปกรณนิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) ประกาศห้ามตั้งสมาคมการเมือง จึงเท่ากับเป็นการยุบสมาคมคณะราษฎรตามไปด้วย แม้หลังพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) หนึ่งในสมาชิกคณะราษฎร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็ยังไม่ยกเลิกการห้ามจัดตั้งพรรคการเมือง สมาคมคณะราษฎรจึงเปลี่ยนบทบาทเป็น “สโมสรราษฎร์สราญรมย์” ที่มิได้มีวัตถุประสงค์เป็นองค์การการเมืองโดยตรง

คณะราษฎรนับเป็นกลุ่มบุคคลผู้มีบทบาทและอิทธิพลอย่างสูงในทางการเมืองและสังคมของประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 15 ปี กระทั่งสิ้นสุดบทบาทในปลาย พ.ศ. 2490 จากการรัฐประหาร ของคณะนายทหาร ภายใต้การนำของพลโท ผิน ชุณหะวัณ

คำถามเรื่อง คณะราษฎร คณะผู้ก่อการปฏิวัติสยาม 2475

คณะราษฎร มีใครบ้าง ?

คณะราษฎร 2475 ?

คณะราษฎร คือ ?

คณะราษฎร มีกี่คน ?

คณะราษฎร 7 คน ?

คณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครอง ?

คณะราษฎร มีบทบาทอย่างไร ?


ที่มาข้อมูลและรูปภาพ:

  • เว็บไซต์วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (th.wikipedia.org)
  • เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์รัฐสภา (parliamentmuseum.go.th)
  • เว็บไซต์หอสมุดรัฐสภา (library.parliament.go.th)
  • เว็บไซต์ฤา (luehistory.com)

Shares:
ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *