นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ชื่อของ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ที่ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโก
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พื้นที่เพียงส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ของไทย ที่เป็นมรดกโลกของไทย พื้นที่บริเวณนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาภายในอุทยานประวัติศาสตร์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอบเขตพื้นที่ตามประกาศกรมศิลปากรเรื่องกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน รวมพื้นที่ทั้งสิ้นราว ๓,๐๐๐ ไร่ โดยได้มีการกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ รวมพื้นที่ประมาณเนื้อที่ ๑,๘๑๐ ไร่ ตั้งอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้รับการพิจารณาเป็นมรดกโลก ประเภทมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นมรดกโลกตามบัญชีในลำดับที่ ๕๗๖ ในนาม “นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา”
มรดกโลกของไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ถูกจัดแบ่งตามประเภทของมรดกโลก ซึ่งมีทั้งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและมรดกโลกทางธรรมชาติ ซึ่งความหมายของมรดกโลก คือ พื้นที่แลนด์มาร์ค (landmark) ที่ได้รับคัดเลือกจากยูเนสโก (UNESCO) ที่มีความสำคัญต่อมนุษยชาติ เพราะมีลักษณะสำคัญทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายตามสนธิสัญญา
ประเทศไทยมีแหล่งมรดกโลก ๕ แห่ง ประเภทมรดกโลกทางวัฒนธรรม ๓ แห่ง คือ นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา, เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร, แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง และประเภทมรดกโลกทางธรรมชาติ ๒ แห่ง คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ จากมรดกโลกทั้งหมด ๑,๑๒๑ แห่ง ใน ๑๖๗ ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ๘๖๙ แห่ง มรดกโลกทางธรรมชาติ ๒๑๓ แห่ง และมรดกโลกแบบผสมทั้งสองประเภทอีก ๓๙ แห่ง มรดกโลกแต่ละแห่งเป็นทรัพย์สินของประเทศที่เป็นเจ้าของดินแดนที่มรดกโลกตั้งอยู่
รายชื่อแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกทางวัฒนธรรม ๓ แห่ง
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็น ๑ ใน ๓ ของแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศไทย ซึ่งมี่ทั้งหมด ๕ แหล่ง อีก ๒ แห่งเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ
- นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม
- เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม
- แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม
สถานที่สำคัญในบริเวณมรดกโลก นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
๑. พระราชวังโบราณ จ.พระนครศรีอยุธยา

พระราชวังโบราณ เป็นพระราชวังหลวง สมัยกรุงศรีอยุธยา อยู่ภายในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สร้างในสมัยพระเจ้าอู่ทอง (สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑) ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๓ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ สร้างพระที่นั่ง ๓ องค์ ได้แก่ พระที่นั่งไพฑูรย์มหาปราสาท พระที่นั่งไพชยนต์มหาปราสาท และ พระที่นั่งไอศวรรย์มหาปราสาท ในเขตวัดพระศรีสรรเพชญ์ในปัจจุบัน และ ยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งมังคลาภิเษกมหาปราสาทและพระที่นั่งตรีมุขขึ้นด้วย พระราชวังระยะแรกนี้ เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ ๗ พระองค์ ระยะเวลา ๙๘ ปี
๒. วัดมหาธาตุ จ.พระนครศรีอยุธยา

วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา วัดมหาธาตุเดิมเป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้างและดูแลตลอดเวลาจวบจนถูกทำลายและถูกทิ้งร้างหลังเสียกรุงครั้งที่ ๒
๓. วัดพระศรีสรรเพชญ์ จ.พระนครศรีอยุธยา

วัดพระศรีสรรเพชญ์ หรือ วัดพระศรีสรรเพชญ อดีตเคยเป็นวัดหลวงประจำพระราชวังโบราณ อยุธยา ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวิหารพระมงคลบพิตรในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ราวปี พ.ศ. ๒๐๓๕ วัดพระศรีสรรเพชญ์ มีเจดีย์ทรงลังกา จำนวนสามองค์ที่สร้างเรียงยาวตลอดทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เจดีย์องค์แแรกสร้างขึ้นทางฝั่งตะวันออก เมื่อปี พ.ศ. ๒๐๓๕ โดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พระราชบิดา) เจดีย์องค์ที่สอง(องค์กลาง) สร้างต่อมาในปี พ.ศ. ๒๐๔๒ ของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ (พระเชษฐาต่างพระมารดาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ )และเจดีย์องค์ที่สาม รัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ ทรงสร้างเจดีย์ฝั่งทิศตะวันตกให้ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ พระปิตุลา(หรือพระเจ้าอาของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ (พระหน่อพุทธางกูร)) รวมเป็นสามองค์ตามปัจจุบัน
วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดประจำวังที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา จึงกลายเป็นต้นแบบของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ในเวลาต่อมา
๔. วัดราชบูรณะ จ.พระนครศรีอยุธยา

วัดราชบูรณะ ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานป่าถ่าน ติดกับวัดมหาธาตุทางบริเวณทิศตะวันออก ห่างจากพระราชวังโบราณ เล็กน้อย เป็นวัดที่ใหญ่และมีความเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ หรือเจ้าสามพระยา ในปี พ.ศ. ๑๙๖๗ วัดราชบูรณะมีชื่อเสียงและความโด่งดังมากในเรื่องการถูกกลุ่มคนร้ายลักลอบขุดกรุภายในพระปรางค์ประธาน ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ และลักขโมยทรัพย์สมบัติจำนวนมากมายมหาศาลหลบหนี ต่อมากรมศิลปากรเข้าทำการบูรณะขุดแต่งต่อในภายหลัง พบทรัพย์สมบัติที่หลงเหลือและเครื่องทองอีกจำนวนมาก ปัจจุบันทรัพย์สมบัติจากภายในกรุถูกเก็บรักษาไว้ที่ห้องราชบูรณะ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา
๕. วัดพระราม จ.พระนครศรีอยุธยา

วัดพระราม เป็นวัดที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวิหารพระมงคลบพิตร นอกเขตพระราชวัง คาดว่าสร้างขึ้นราวปี พ.ศ. ๑๙๑๒ ในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร ซึ่งเป็นบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) พระราชบิดา แต่พระองค์ทรงครองราชย์ได้เพียงแค่ปีเดียว จึงเข้าใจกันว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ทรงได้ช่วยสร้างจนสำเร็จหรืออาจสร้างเสร็จเมื่อสมเด็จพระราเมศวรเสวยราชย์ครั้งที่ ๒ ก็เป็นไปได้
เดิมบริเวณหน้าวัดพระรามคือ บึงพระราม ปัจจุบันซากปรักหักพังภายในวัดเหลือเพียงเสาของพระอุโบสถ ที่สำคัญคือพระปรางค์ ซึ่งเป็นพระปรางค์ทรงขอมโบราณขนาดใหญ่ ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังทั้งสองด้าน เป็นภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งปางมารวิชัยบนบัลลังก์ สีที่ใช้เป็นสีแดง คราม เหลืองและดำ เป็นภาพจิตรกรรมยุคอยุธยาตอนต้น ปัจจุบันลบเลือนไปมาก
๖. วิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา

วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทางทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ มีจุดเด่นที่สำคัญคือ เป็นวิหารเก่าแก่ในเขตกำแพงเมือง ที่ได้รับการบูรณะอย่างดี สันนิษฐานกันว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยตามพงศาวดารวิหารพระมงคลบพิตรนั้น เดิมพระมงคลบพิตรประดิษฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกของ พระราชวังหลวง บางคนสันนิษฐานว่า พระมงคลบพิตรเคยประดิษฐานอยู่กลางแจ้งที่วัดชีเชียงมาก่อน ในปี พ.ศ. ๒๑๔๖ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดฯ ให้ชลอมาไว้ทางด้านทิศตะวันตก แล้วให้สร้างมณฑปขึ้นครอบไว้ โดยมีหลักฐานจากภาพวาดของชาวตะวันตกที่เข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองว่าเป็นรูปร่างคล้ายๆมณฑป พระมงคลบพิตรพระพุทธรูปประธานขนาดใหญ่ภายในวิหารมงคลบพิตรเสียหายตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด ด้วยทองสำริดหุ้มทองตามปัจจุบัน
พระราชวังโบราณ
ภายในอาณาบริเวณของพระราชวังโบราณ หรือที่เรารู้จักกันว่าเป็น พระราชวังหลวง ยังมีสถานที่สำคัญ และโบราณสถานที่มีมีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์อีกมากมาย สถานที่สำคัญเหล่านี้เป็นสถานที่ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากไม่ได้มีการเสนอขอขยายเขตที่ดินตามประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณเพิ่มเติมให้เป็นมรดกโลก
- พระราชวังจันทรเกษม
- วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร
- วัดโลกยสุธาราม
- วัดธรรมิกราช
- วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร
- วัดสวนหลวงสบสวรรค์
- กำแพงและป้อมปราการกรุงเก่า
- วัดไชยวัฒนาราม
- วัดพุทไธศวรรย์
- วัดหน้าพระเมรุ
- วัดใหญ่ชัยมงคล
- วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
- วัดพนัญเชิง
- วัดกุฎีดาว
- วัดดุสิดาราม
- วัดภูเขาทอง
- วัดพระยาแมน
- หมู่บ้านโปรตุเกส
- หมู่บ้านฮอลันดา
- หมู่บ้านญี่ปุ่น
- เพนียดคล้องช้าง
- โบสถ์นักบุญยอแซฟ
ภาพเก่าอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

ข้อมูลท่องเที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
พิกัดที่ตั้ง อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
จากกรุงเทพฯ เดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้หลายเส้นทาง ดังนี้ - เส้นทางแรก ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านประตูน้ำพระอินทร์ แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 309 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา - เส้นทางที่สอง ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 (ถนนแจ้งวัฒนะ) หรือทางหลวงหมายเลข 302 (ถนนงามวงศ์วาน) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 306 (ถนนติวานนท์) ข้ามสะพานนนทุรี หรือสะพานนวลฉวี ไปยังจังหวัดปทุมธานี ต่อด้วยเส้นทางปทุมธานี-สามโคก-เสนา (ทางหลวงหมายเลข 3111) แล้วแยกขวาที่อำเภอเสนา เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3267 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา - เส้นทางที่สาม ใช้ทางหลวงหมายเลข 306 เส้นทางกรุงเทพฯ-นนทบุรี-ปทุมธานี ถึงทางแยกสะพานปทุมธานี เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 347 แล้วไปแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 3309 ผ่านศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร อำเภอบางปะอิน เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อัตราค่าเข้าชม
ค่าเข้าชม คนละ ๑๐ บาท (เด็ก / ผู้สูงอายุตั้งแต่ ๖๐ ปีขึ้นไป / พระภิกษุ ไม่เสียค่าเข้าชม)
การแต่งกาย
นักท่องเที่ยวควรแต่งกายให้สุภาพ
เวลาทำการ (เปิด-ปิด)
เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 18.00 น
ที่ตั้ง
ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000
ติดต่อ
โทรศัพท์ : 035-242 286 โทรสาร : 035-242 284 เว็บไซต์ : http://www.finearts.go.th/ayutthayahistoricalpark อีเมล : ay_hispark@hotmail.com
ที่มาข้อมูลและรูปภาพ:
- เว็บไซต์วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (th.wikipedia.org)
- เว็บไซต์มิวเซียมสยาม (museumsiam.org)
- เว็บไซต์มิวเซียมไทยแลนด์ (museumthailand.com)
- เว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)