พระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ เสริมสิริมงคล เพิ่มพูนทรัพย์สินเงินทอง
นอกจาก พระสยามเทวาธิราช ที่คนไทยนับถือ เชื่อว่าคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแผ่นดินไทย ยังมีเทวรูปที่สำคัญยิ่งอีกองค์ ที่มีความสำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ เป็นเทพยดาที่คุ้มทรัพย์สินของแผ่นดินสยามมีนามว่า ’พระคลัง“ หรือ ’พระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ“ ที่เชื่อกันว่าคือ ’สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองทรัพย์สินแผ่นดิน“ ซึ่งอาจหมายรวมถึงการ ’ปกปักรักษาเศรษฐกิจชาติให้อยู่ดี“ ไม่ให้มีปัญหาถึงขั้นล่มสลาย ไม่ว่าจะจากปัจจัยใด รวมถึงจากสถานการณ์ความวุ่นวายในชาติ
ทั้งนี้ จากเอกสารของทางกรมธนารักษ์ ระบุถึงประวัติ “พระคลัง” ไว้ว่า…ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์ ซึ่งทรงกำกับดูแลกรมพระคลังมหาสมบัติ ได้ทรงกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างเทวรูป “พระคลัง” ขึ้น เพื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองปกปักรักษาพระราชทรัพย์ของแผ่นดิน และเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทที่รับราชการในพระคลังมหาสมบัติ ให้มีขวัญกำลังใจ ให้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต โดยได้ขอพระบรมราชานุญาตทำรูปปั้นพระคลังโดยมีลักษณะบางส่วนคล้าย “พระสยามเทวาธิราช” ที่ได้มีการสร้างขึ้นก่อนหน้า ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
พระคลัง คือ เทวาคุ้มทรัพย์-เศรษฐกิจแผ่นดิน รูปปั้น ’พระคลัง“ หรือ ’พระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ“ นี้ เป็นเทวรูป เช่นเดียวกับ พระสยามเทวาธิราช มีลักษณะเป็นรูปปั้นเทวดา หล่อยืน ทรงเครื่องกษัตริยาธิราช สวมมงกุฎยอดชัย พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงดอกบัว
จากยุคกรมพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งต่อมามีการรวมกับกรมเงินตรา กรมรักษาที่หลวงและกัลปนา กรมกระษาปณ์สิทธิการ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นกรมคลัง และภายหลังเปลี่ยนเป็นกรมธนารักษ์ จนถึงปัจจุบันนี้ “พระคลัง” เป็นที่สักการะนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ ในหมู่ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับส่วนงานด้านนี้ มาเนิ่นนานราว 127 ปีแล้ว จนกรมธนารักษ์ สังกัดกระทรวงการคลัง ครบรอบ 80 ปีแห่งการสถาปนา ในยุคที่มี ดร.นริศ ชัยสูตร เป็นอธิบดี ก็ได้มีการรื้อฟื้นให้คนไทยรุ่น
ใหม่ ๆ ได้รู้จักเรื่องราวของ “พระคลัง” ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
ก่อนหน้านี้ ทางกรมธนารักษ์ก็ได้มีการจัดสร้าง “เหรียญที่ระลึกพระคลัง” โดยมีการทำพิธีเทวาภิเษก ณ วัดไตรมิตรวิทยาราม โดยการช่วยอำนวยการของ พระธรรมภาวนาวิกรม (ท่านเจ้าคุณธงชัย)ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ ซึ่งประชาชนที่ทราบข่าวนี้ก็ได้มีการสั่งจองจนเกือบหมดแล้วภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยรายได้นั้นนำไปใช้ในการดูแลรักษาทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินให้คงอยู่สืบไป และในปัจจุบันทางกรมฯ ก็กำลังมีโครงการจัดสร้าง “รูปหล่อรอยองค์พระคลัง” ขนาดความสูง 29 เซนติเมตร เนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อโลหะผสมปิดด้วยทองคำเปลว อย่างไรก็ดี การจัดสร้างนี้จะทำตามยอดสั่งจองผ่านทางฮอตไลน์ โทร. 0-2666-0588 เท่านั้น
“มีครั้งหนึ่ง มีการซ่อมตึกที่กรม ก็มีคนงานมักง่ายยืนปัสสาวะข้างบน แล้วรู้มั้ยเกิดอะไรขึ้น ตกลงมาจากชั้น 2 ทุกคนต่างบอกว่าต้องรีบไปขมาท่าน (พระคลัง) อย่างแรงเลย แล้วก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อ คนงานรายนี้ไม่ตาย แค่ขาหัก”…นี่เป็นส่วนหนึ่งจากการบอกเล่าของ ช่อทิพย์ จำนงค์วงษ์ อดีตข้าราชการกรมธนารักษ์
ขณะที่กับการจัดสร้างพระคลังเพื่อให้คนไทยรุ่นใหม่ ๆ ได้รู้จักนั้น พุทธชาติ อรุณเวช ผู้อำนวยการสำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน กรมธนารักษ์ เล่าไว้บางช่วงบางตอนว่า…ตอนทำพิธีก็มีสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ เยอะมาก หลายคนก็ตกตะลึงกัน อย่างวันที่ทำพิธี มีบางช่วงที่ช่างภาพอาชีพถ่ายรูปแล้วถ่ายไม่ติด กล้องที่ 1 กดถ่าย 3-4 เเชะ ไม่ติด กล้องที่ 2 ที่ 3 ก็เหมือนกัน ท่านเจ้าคุณธงชัยก็บอกว่าต้องขออนุญาตพระคลังท่านก่อน แล้วพอขออนุญาตก็ถ่ายได้เลย ซึ่งก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อ โดยส่วนตัวก็เคารพศรัทธาท่าน เชื่อว่าเป็นเทวดาที่ศักดิ์สิทธิ์
’พระสยามเทวาธิราชดูแลรักษาประเทศชาติ พระคลังมหาสมบัติก็ปกปักรักษาทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน และก็เป็นที่ยึดเหนี่ยวของผู้ที่รับราชการ ข้าราชการจะต้องปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ใครที่มาทำงานตรงนี้ถ้าไม่ซื่อสัตย์สุจริต อยู่ไม่ได้ ใครคิดไม่ดีกับของหลวง จะมีอันเป็นไป พระคลังท่านศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ พวกเราที่รับราชการจะรู้ พวกเราเรียกท่านว่า เจ้าพ่อคลัง“…ผอ.พุทธชาติ ระบุ
ทั้งนี้ กับการจะบูชา “พระคลัง” ก็มีคาถาเช่นเดียวกับการบูชาพระสยามเทวาธิราช โดย “คาถาบูชาพระคลัง” หรือ “คำบูชาเจ้าพ่อคลัง” นั้น มีเนื้อหาดังนี้คือ… “…นะโม เม พระภูมิ เทวานัง ธูปะทีปะจะปุบผัง สักการะ วันทะนัง สูปะพยัญชะสัมปันนัง โภชะนา สาลีนัง อุทะกังวะรัง สาคัจฉันตุ ปริภุญชันตุ หิตายะ สุขายะ นะมามิ สิรสานาโค ปัตถะวิยัง ปริภุญชันตุ เทหิเม สุขสัมปัตติ สัพพะทา สัพพะทุกขา วินาสสันติ สัพพะภะยา วินาสสันติ สัพพะโรคา วินาสสันติ พุทธะเตเชนะ ธัมมะเตเชนะ สังฆเตเชนะ อินทเตเชนะ เทวเตเชนะ ทิวาตะปะติ อาทิจโจ รัตติมาภาติ จันทิมา สันนัทโธ ขัตติโยตะปะติ สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิยะ ตถาคะโต สิทธิลาโภ นิรันตรัง สัพพะเคราะห์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเสนียดจัญไร วินาสสันติ…”
ลักษณะทางประติมานวิทยาของพระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ
ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น พระคลัง เป็นเทวรูป พระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ ทางด้านประติมานวิทยา สะท้อนถึงทัศนคติและความเชื่อของผู้สร้างในสมัยนั้น ผ่านลักษณะทางศิลปกรรมของเทวรูปองค์นี้ ที่ยังปรากฏให้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
ประติมานวิทยา หมายถึง การศึกษาวิเคราะห์และตีความสัญลักษณ์ทางศาสนาหรือความเชื่อ ผ่านงานศิลปกรรม ซึ่งมีทั้งประเภทงานจิตรกรรม สถาปัตยกรรม และประติมากรรม [๑] ดังนั้นประติมานวิทยาเทวรูปพระคลังในพระคลังมหาสมบัติจึงเป็นการศึกษา วิเคราะห์ และตีความจากลักษณะหรือสัญลักษณ์ ความเชื่อจากเทวรูปพระคลัง รวมไปถึงองค์ประกอบแวดล้อมที่มีอยู่ด้วย ทำให้สามารถเข้าใจถึงความหมายและคติความเชื่อของผู้สร้างในสมัยนั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยมีลักษณะทางประติมานวิทยา ดังนี้
ประวัติความเป็นมาของพระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ
เทวรูปพระคลังประดิษฐานอยู่ภายในอาคารสำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน บริเวณเขตพระราชฐานชั้นนอก ในพระบรมมหาราชวัง สันนิษฐานว่าอาคารหลังนี้เคยเป็นที่ตั้งของพระคลังมหาสมบัติ ส่วนเทวรูปพระคลังมีประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจน และไม่พบหลักฐานหรือเอกสารที่กล่าวถึงประวัติการสร้าง เทวรูปดังกล่าว มีเพียงประวัติที่เล่าสืบต่อกันมาว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเรียกเทวรูปองค์นี้สืบต่อกันมาว่า “พระคลัง” หรือบ้างก็นิยมเรียกกันว่า”เจ้าพ่อคลัง” ปัจจุบันมีชื่อเรียก ว่า “พระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ”