ท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มรดกโลกทางวัฒนธรรมของประเทศไทย
วิหารพระมงคลบพิตร นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มรดกโลกของไทย ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทางทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ มีจุดเด่นที่สำคัญคือ เป็นวิหารเก่าแก่ในเขตกำแพงเมือง ที่ได้รับการบูรณะอย่างดี สันนิษฐานกันว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยตามพงศาวดารวิหารพระมงคลบพิตรนั้น เดิมพระมงคลบพิตรประดิษฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกของ พระราชวังโบราณ(พระราชวังหลวง) บางคนสันนิษฐานว่า พระมงคลบพิตรเคยประดิษฐานอยู่กลางแจ้งที่วัดชีเชียงมาก่อน ในปี พ.ศ. 2146 สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดฯ ให้ชลอมาไว้ทางด้านทิศตะวันตก แล้วให้สร้างมณฑปขึ้นครอบไว้ โดยมีหลักฐานจากภาพวาดของชาวตะวันตกที่เข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองว่าเป็นรูปร่างคล้ายๆมณฑป พระมงคลบพิตรพระพุทธรูปประธานขนาดใหญ่ภายในวิหารมงคลบพิตรเสียหายตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด ด้วยทองสำริดหุ้มทองตามปัจจุบัน
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นมรดกโลกของไทย พื้นที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ ๑,๘๑๐ ไร่ ตั้งอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อุทยานฯแห่งนี้ได้รับการพิจารณาเป็นมรดกโลก ประเภทมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ในนาม “นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา“
ประวัติวิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา
สันนิษฐานกันว่า วิหารพระมงคลบพิตรสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยตามพงศาวดารวิหารพระมงคลบพิตรนั้น เดิมประดิษฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกของ พระราชวังโบราณ(พระราชวังหลวง) บางคนสันนิษฐานว่า เคยประดิษฐานอยู่กลางแจ้งที่วัดชีเชียงมาก่อน ในปี พ.ศ. ๒๑๔๖ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดฯ ให้ชลอมาไว้ทางด้านทิศตะวันตก แล้วให้สร้างมณฑปขึ้นครอบไว้ โดยมีหลักฐานจากภาพวาดของชาวตะวันตกที่เข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองว่าเป็นรูปร่างคล้ายๆมณฑป
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๒๔๖ สมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ ยอดมณฑปต้องอสนีบาต (ฟ้าผ่า) เกิดเพลิงไหม้เครื่องบนมณฑปหักพังลงมาต้องพระเศียรพระมงคลบพิตรหัก สมเด็จพระเจ้าเสือ จึงโปรดฯ ให้แปลงมณฑปเป็นวิหารแต่ยังคงส่วนยอดของมณฑปไว้ แล้วซ่อมพระเศียรพระพุทธรูปใหม่ กระทั่งในรัชกาล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่หมด เปลี่ยนหลังคาคล้ายหลังคาพระวิหารในปัจจุบัน เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐ วิหารพระมงคลบพิตรและพระมงคลบพิตรถูกไฟไหม้ชำรุด เครื่องบนวิหารหักลงมาต้องพระเมาฬี และพระกรข้างขวาหักเสียหาย
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๔ พระยาโบราณราชธานินทร์ ตำแหน่งสุมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยา คุณหญิงอมเรศร์สมบัติกับพวก ได้ขอยื่นเรื่องซ่อมแซมวิหารพระมงคลบพิตร แต่รัฐบาลไม่อนุญาต เนื่องจากต้องการที่จะรักษาตามแบบอย่างทางโบราณคดี โดยจะออกแบบให้ปูชนียสถานกลางแจ้งเหมือนไดบุซึของญี่ปุ่น แต่ด้วยเวลานั้นรัฐบาลยังไม่มีงบประมาณพร้อมในการดำเนินการ
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ สมัยรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงได้เริ่มการบูรณปฏิสังขรณ์พระวิหารและองค์พระมงคลบพิตรเสียใหม่ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ในคราวบูรณะพระมงคลบพิตรในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ กรมศิลปากรได้พบพระพุทธรูปบรรจุไว้ในพระอุระด้านขวา เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม
พื้นที่วิหารพระมงคลบพิตร อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ภายในพื้นที่ของวัดมหาธาตุ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ภายในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มีสิ่งปลูกกสร้างที่มีความสำคัญทางสถาปัตยกรรมต่างๆ เช่นพระปรางค์ วิหารและพระตำหนัก ดังนี้
พระเจดีย์สามองค์
พระเจดีย์ทั้งสามองค์ภายในบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นพระเจดีย์ทรงลังกา วางเรียงยาวตลอดทิศตะวันออกและทิศตะวันตก โดยสร้างขี้นคนละสมัย
เจดีย์องค์ที่ ๑
เจดีย์องค์แแรก สร้างขึ้นรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ สร้างขึ้นทางฝั่งตะวันออก เมื่อปี พ.ศ. ๒๐๓๕ โดยเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พระราชบิดา)
เจดีย์องค์ที่ ๒
เจดีย์องค์ที่สอง(องค์กลาง) สร้างขึ้นรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๐๔๒ ของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ (พระเชษฐาต่างพระมารดาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ )
เจดีย์องค์ที่ ๓
เจดีย์องค์ที่สาม สร้างขึ้นรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ ทรงสร้างเจดีย์ฝั่งทิศตะวันตกให้ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ พระปิตุลา(หรือพระเจ้าอาของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ (พระหน่อพุทธางกูร))
ภาพเก่าพระมงคลบพิตรก่อนบูรณะ


ข้อมูลท่องเที่ยว วิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา
พิกัดที่ตั้ง วิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา
การเดินทางเพื่อท่องเที่ยววิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา
จากกรุงเทพฯ เดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้หลายเส้นทาง ดังนี้ - เส้นทางแรก ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านประตูน้ำพระอินทร์ แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 309 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา - เส้นทางที่สอง ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 (ถนนแจ้งวัฒนะ) หรือทางหลวงหมายเลข 302 (ถนนงามวงศ์วาน) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 306 (ถนนติวานนท์) ข้ามสะพานนนทุรี หรือสะพานนวลฉวี ไปยังจังหวัดปทุมธานี ต่อด้วยเส้นทางปทุมธานี-สามโคก-เสนา (ทางหลวงหมายเลข 3111) แล้วแยกขวาที่อำเภอเสนา เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3267 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา - เส้นทางที่สาม ใช้ทางหลวงหมายเลข 306 เส้นทางกรุงเทพฯ-นนทบุรี-ปทุมธานี ถึงทางแยกสะพานปทุมธานี เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 347 แล้วไปแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 3309 ผ่านศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร อำเภอบางปะอิน เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อัตราค่าเข้าชม
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ ๑๐ บาท (เด็ก / ผู้สูงอายุตั้งแต่ ๖๐ ปีขึ้นไป / พระภิกษุ ไม่เสียค่าเข้าชม)
การแต่งกาย
นักท่องเที่ยวควรแต่งกายให้สุภาพ
เวลาทำการ (เปิด-ปิด)
เปิดทุกวัน เวลา 08.30 - 16.30 น.
ที่ตั้ง
ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000
ติดต่อ
อีเมล์: icts@finearts.go.th
หมายเหตุ
ทางอุทยานฯ จะเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่ 8.00 - 18.00 น. ส่วนช่วงตอนกลางคืนทางอุทยานจะเปิดไฟส่องไปที่พระเจดีย์ และโบราณสถาน เพื่อเปิดประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้รับชมบรรยากาศที่สวยงาม โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมได้บริเวณรอบนอกเท่านั้น ทางอุทยานฯ จะปิดให้เข้าชมในเวลา 18.00 น. และทางอุทยาน ฯ จะปิดไฟลงในเวลา 21.00 น. ข้อควรปฏิบัติในการเที่ยวชม 1. นักท่องเที่ยวไม่ควรปีนป่ายโบาราณสถาน เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายต่อโบราณสถานได้ 2. นักท่องเที่ยวควรเที่ยวชมด้วยความเคารพ แต่งกายให้เกียรติสถานที่ 3. ห้ามเก็บเศษอิฐ หรือชิ้นส่วนวัตถุต่างๆที่ตกหล่นอยู่ทั้งในและบริเวณโดยรอบโบราณสถาน 4. ไม่ประกอบกิจกรรมที่ก่อให้เกิดเสียงดังอึกทึกครึกโครมในบริเวณโบราณสถาน 5. เมื่อพบจุดที่มีป้ายห้ามเข้า ก็ไม่ควรที่จะเข้าไป และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลอย่างเคร่งครัด
ที่มาข้อมูลและรูปภาพ:
- เว็บไซต์วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (th.wikipedia.org)
- เว็บไซต์มิวเซียมสยาม (museumsiam.org)
- เว็บไซต์มิวเซียมไทยแลนด์ (museumthailand.com)
- เว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)