โบราณราชประเพณีของไทย เพื่อความเป็นพระมหากษัตริย์อย่างสมบูรณ์
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นพระราชพิธีเฉลิมพระเกียรติยศองค์พระประมุขในการบรมราชวโรกาสที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ เครื่องประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้นประกอบด้วยเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ โดยพระราชครูพราหมณ์จะเป็นผู้กล่าวถวายเครื่องสิริเบญจราชกกุธภัณฑ์เพื่อเฉลิมพระราชอิสริยยศ อันเป็นพระราชประเพณีที่สืบเนื่องมาจากศาสนาพราหมณ์
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นโบราณราชประเพณีที่ต้องทำเพื่อความเป็นพระมหากษัตริย์อย่างสมบูรณ์
ดังความใน “จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” ว่า
“…ตามราชประเพณีในสยามประเทศนี้ ถือเปนตำราแต่โบราณว่า พระมหากระษัตริย์ซึ่งเสด็จผ่านพิภพ
ต้องทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกก่อน จึงจะเปนพระราชาธิบดีโดยสมบูรณ์ ถ้ายังมิได้ทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอยู่ตราบใดถึงจะได้ทรงรับรัชทายาทเมื่อเสด็จเข้าไปประทับอยู่ในพระราชวังหลวง ก็เสด็จอยู่เพียงณที่พักแห่งหนึ่ง
พระนามที่ขานก็คงใช้พระนามเดิม เปนแต่เพิ่มคำว่า “ซึ่งทรงสำเร็จราชการแผ่นดิน” เข้าข้างท้ายพระนาม แลคำรับสั่งก็ยังไม่ใช้พระราชโองการจนกว่าจะได้สรงมุรธาภิเษก ทรงรับพระสุพรรณบัฏจารึกพระบรมราชนามาภิธัยกับทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์จากพระมหาราชครูพราหมณ์ผู้ทำพิธีราชาภิเษกแล้ว จึงเสด็จขึ้นเฉลิมพระราชมณเฑียร ครอบครองสิริราชสมบัติสมบูรณ์ด้วยพระเกียรติยศแห่งพระราชามหากระษัตริย์แต่นั้นไป…”
ประวัติความเป็นมาของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของไทยในอดีต
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นราชประเพณีคู่สังคมไทยมายาวนานโดยได้รับอิทธิพลจากคติอินเดีย แต่ลักษณะการพระราชพิธีแต่เดิมมีแบบแผนรายละเอียดเป็นอย่างไรไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดแม้แต่การเรียกชื่อพิธีก็แตกต่างกันออกไปในแต่ละสมัย เช่น สมัยอยุธยา สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเรียกว่า “พระราชพิธีราชาภิเษก” หรือ “พิธีราชาภิเษก” ส่วนในปัจจุบันเรียกว่า “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก”
เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่มีปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกหลักที่ 2 หรือจารึกวัดศรีชุม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 18 กล่าวถึงการขึ้นเป็นผู้นำของพ่อขุนบางกลางหาว ไว้ว่า
“…พ่อขุนผาเมืองจึงอภิเษกพ่อขุนบางกลางหาวให้เมืองสุโขทัย ให้ทั้งชื่อตนแก่พระสหายเรียกชื่อศรีอินทรบดินทราทิตย์…” ส่วนในศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงภาษาไทย และภาษาเขมรกล่าวถึงเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในพิธีบรมราชาภิเษกพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไทย) ว่ามี มกุฎ พระขรรค์ชัยศรี และเศวตฉัตร
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยอยุธยา ในคำให้การของชาวกรุงเก่า ข้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงขั้นตอนของพระราชพิธีนี้ว่า
“…พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาจึงโปรดให้เอาไม้มะเดื่อนั้น มาทำตั่งสำหรับประทับสรงพระกระยาสนานในการมงคล เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นต้น พระองค์ย่อมประทับเหนือพระที่นั่งตั่งไม้มะเดื่อ สรงพระกระยาสนานก่อนแล้ว (จึงเด็จไปประทับพระที่นั่งภัทรบิฐ) มุขอำมาตย์ถวายเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ คือ มหามงกุฎ 1 พระแสงขรรค์ 1 พัดวาลวิชนี 1 ธารพระกร 1 ฉลองพระบาทคู่ 1…”
ส่วนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมัยกรุงธนบุรี ไม่ปรากฏหลักฐานการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สันนิฐานว่าทำตามแบบอย่างเมื่อครั้งสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่ทำอย่างสังเขป เพราะบ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อย ยังอยู่ในภาวะสงคราม
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2325 รัชกาลที่ 1
ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้ประดิษฐานพระบรมราชจักรีวงศ์ และทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีปราบดาภิเษกแต่โดยสังเขป ยังไม่พร้อมมูล เต็มตำรา ครั้น พ.ศ. 2326 โปรดให้ข้าราชการผู้รู้ครั้งกรุงเก่า มีเจ้าพระยาเพชรพิชัยเป็นประธาน ประชุมปรึกษาหารือกับสมเด็จพระสังฆราชและพระราชาคณะผู้ใหญ่ทำการสอบสวนร่วมกันตรวจสอบตำราว่าด้วยการราชาภิเษกในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร หรือขุนหลวงวัดประดู่ แล้วแต่งเรียบเรียงขึ้นไว้เป็นตำรา เรียกว่า “ตำราราชาภิเษกครั้งกรุงศรีอยุธยาสำหรับหอหลวง” เป็นตำราที่เกี่ยวกับการราชาภิเษกที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่พบหลักฐานในประเทศไทย
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2328 รัชกาลที่ 1
เมื่อได้แบบแผนการราชาภิเษกที่สมบูรณ์แล้ว อีกทั้งพระราชมณเฑียรสถานที่สร้างขึ้นใหม่แล้วเสร็จใน พ.ศ. 2328 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกให้สมบูรณ์ตามแบบแผนอันได้เคยมีมาแต่เก่าก่อนอีกครั้งหนึ่ง และแบบแผนการราชาภิเษกดังกล่าวได้รับการยึดถือปฏิบัติเป็นแบบอย่างสืบมาเพื่อความเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ บางพระองค์ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2 ครั้ง คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2352 รัชกาลที่ 2
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2352 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 วันประกอบพระราชพิธีบรมราชิภิเษก เมื่อวันที่ 17 กันยายน พุทธศักราช. 2352
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2367 รัชกาลที่ 3
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2367 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 วันประกอบพระราชพิธีบรมราชิภิเษก เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พุทธศักราช 2367
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2394 รัชกาลที่ 4
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2394 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 วันประกอบพระราชพิธีบรมราชิภิเษก เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พุทธศักราช 2394
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2411 รัชกาลที่ 5
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2411 เมื่อทรงขึ้นครองราช์สมบัติสืบต่อจากพระบรมชนกนาถ ขณะมีพระชนพรรษาเพียง 15 พรรษา ในระยะเวลาห้าปีแรกของรัชกาล สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จนกระทั่งเมื่อทรงเจริญพระชนพรรษาครบ 20 พรรษา จึงทรงผนวช
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2416 รัชกาลที่ 5
หลังจากทรงลาสิขาแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2416 หลังจากนั้นทรงรับพระราชภาระ และมีพระราชอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินโดยสมบูรณ์
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2453 รัชกาลที่ 6
พระะบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2 ครั้ง คือ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียร เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2453 เนื่องจากอยู่ในช่วงกำลังไว้ทุกข์งานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้งดการเสด็จเลียบพระนครและการรื่นเริง
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2454 รัชกาลที่ 6
ต่อมาเมื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่แล้ว จึงทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พุทธศักราช 2454 เพื่อให้เป็นส่วนรื่นเริงสำหรับประเทศ อีกทั้งให้นานาประเทศที่เป็นสัมพันธมิตรไมตรีมีโอกาสมาร่วมงาน
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2468 รัชกาลที่ 7
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2468 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม พ.ศ. 2468
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2468 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นั้น นับเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ไทย เพราะเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคประชาธิปไตยอย่างเป็นทางการ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2493 รัชกาลที่ 9
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2493 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 4-8 พฤษภาคม พ.ศ. 2493
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2493 เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เป็นการเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 รัชกาลที่ 10
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย พร้อมทั้งเฉลิมพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรีอย่างสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี ระหว่างวันที่ 6-23 เมษายน พ.ศ. 2562
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย พระราชพิธีเบื้องต้น ระหว่างวันที่ 6-23 เมษายน พ.ศ. 2562 ต่อจากนั้นเป็นพระราชพิธีเบื้องกลางและพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งประกอบด้วย การสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนการพระราชพิธี และการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งมีขั้นตอนคือ พิธีสรงพระมุรธาภิเษก, พิธีถวายน้ำอภิเษก ต่อด้วยพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์, การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยริ้วกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค และการเสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพรชัยมงคล ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ พระบรมมหาราชวัง และพระราชพิธีสุดท้าย คือ พระราชพิธีเบื้องปลาย ซึ่งเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยริ้วกระบวนพยุหยาตราชลมารค ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2562
ทั้งนี้ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการถ่ายทอดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ โดยทุกสถานีจะเชื่อมสัญญาณการถ่ายทอดสดจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
ขั้นตอนพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ประกอบไปด้วย 5 ขั้นตอนสำคัญ คือ
ขั้นตอนที่ 1. ขั้นเตรียมพิธี คือการทำพิธีตักน้ำและตั้งพิธีเสกน้ำสำหรับถวายเป็นน้ำอภิเษกและน้ำสรงพระมุรธาภิเษก รวมถึงพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล
ขั้นตอนที่ 2. พิธีเบื้องต้น มีการเจริญพระพุทธมนต์ ตั้งน้ำวงด้าย จุดเทียนชัย และเจริญพระพุทธมนต์ในการพระราชพิธีบรมราชาพิเษก
ขั้นตอนที่ 3. พิธีบรมราชาภิเษกในวันพระฤกษ์ มีพิธีสรงน้ำพระมุรธาภิเษกแล้วประทับพระอัฐทิศอุทุมพร รับน้ำอภิเษก ประทับพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ รับการถวายเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์
ขั้นตอนที่ 4. พิธีเบื้องปลาย มีการเสด็จออกมหาสมาคม สถาปนาสมเด็จพระบรมราชินีแล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทำพิธีประกาศพระองค์เป็นศาสนูปถัมภกในพระบวรพุทธศาสนา ถวายบังคมพระบรมศพ พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระอัครมเหสีในรัชกาลก่อนๆ แล้วเสด็จเฉลิมพระราชมณเฑียร
ขั้นตอนที่ 5. เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยกระบวนพยุหยาตราทั้งทางสถลมารคและทางชลมารค
ไทยน่ารู้ เรื่อง พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
คำถามเกี่ยวกับ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีคำตอบใน ไทยน่ารู้ พิธีบรมราชาภิเษก เริ่มมีตั้งแต่สมัยใด ?
- พิธีบรมราชาภิเษก คือ ?
- พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมัยรัตนโกสินทร์ ?
- พระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีความสําคัญอย่างไร ?
- พิธีบรมราชาภิเษก เริ่มมีตั้งแต่สมัยใด ?
บความ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ที่มาข้อมูลและรูปภาพ:
- เว็บไซต์วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (th.wikipedia.org)
- เว็บไซต์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ : http://www.phralan.in.th/